KOREA
18 พฤษภาคม … วันแห่งความเจ็บปวดของกวางจู ที่ชาวเกาหลีจะไม่มีวันลืม (2007-07-12)
18 พฤษภาคม 1980 วันแห่งการจดจำของประชาชนชาวเกาหลีตลอดกาล เป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้จากผลงานการกำกับของ คิมจีฮุน สำหรับงานชิ้นนี้เขาสร้างขึ้นมาด้วยความเคารพเหยื่อ ที่เกิดจากการสั่งการอย่างเหี้ยมโหดของรัฐบาลเกาหลีในสมัยนั้น ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้จะบอกเล่าเรื่องราวตลอด 10 วันนับตั้งแต่เกิดการจลาจลจนถึงการนองเลือดที่ชาติไม่มีวันลืม
ก่อนภาพยนตร์จะเข้าฉายที่เกาหลีในวันที่ 26 กรกฏาคมนี้ ผู้กำกับและนักแสดงได้รวมตัวกันที่ โรงภาพยนตร์โซล เพื่อพูดถึงภาพยนตร์แห่งชาติเรื่องนี้เกี่ยวกับการสังหารหมู่ที่เมืองกวางจู สำหรับภาพยนตร์เรื่องเหตุการณ์วันที่ 18 พฤษภาคมนี้ ได้รับความคาดหวังอย่างมากกว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมอีกเรื่องในฤดูร้อนปีนี้ และในวันนั้นก็ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 1980 ประธานาธิบดี ชอนดูฮวาน (ดำรงตำแหน่ง 1980-88) ได้ทำการขยายอำนาจของตนเองโดยการเข้าควบคุมสภาและจับกุมนักการเมืองหลายคน รวมไปถึงนักประชาธิปไตยหัวเอียงซ้ายอย่าง คิมแดจุง หัวเรือใหญ่ในแถบจอลล่า โดยเขาได้รับการตัดสินโทษประหารชีวิต แต่เขาก็รอดมาได้และได้เป็นประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้ในปี 1998 – 2003
นักศึกษามหาวิทยาลัยในจอนนัม ได้เริ่มมีการชุมนุมคัดค้านหน้าประตูมหาวิทยาลัย จนกระทั่งวันที่ 21 พฤษภาคม ก็มีประชาชนมากกว่า 300,000 คนเข้ายึดอาวุธที่สถานีตำรวจและก่อตั้ง “กองทัพประชาชน” จนเข้าควบคุมเมืองทั้งหมดไว้ได้ จากนั้นจึงเปิดการเจรจาระหว่าง “ประชาชน” และ “รัฐบาล”
27 พฤษภาคม ประธานาธิบดีชอนได้ส่งกองกำลังทหารทั้งทางบกและทางอากาศมากกว่า 200,000 นายเพื่อเข้าทำการกวาดล้างกลุ่มผู้ชุมนุมในย่านใจกลางเมือง โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 90 นาที จนกระทั่งในปี 2003 จากข้อมูลในเหตุการณ์ครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิต 207 คน บาดเจ็บ 2,392 คน และเหยื่อทั่วๆไปอีกกว่า 987 คน แต่ข้อเท็จจริงยังคงไม่ได้รับการยืนยันจนถึงทุกวันนี้
ชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อประชดประชันฝ่ายทหารโดยมีชื่อว่า ฮวารยอฮัน ฮยูกา หรือแปลเป็นไทยได้ว่า "วันที่แสนวิเศษ"
"ในฐานะที่ผมเป็นผู้กำกับ มันท้าทายอย่างมากที่เราจะย้อนกลับไปในวันนั้นและเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้น" คิมกล่าวกับนักข่าว "มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ จากการที่ผมสัมภาษณ์เหยื่อและครอบครัวที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ผมรู้สึกเลยว่ามันแย่ เถื่อน และเหมือนฝันร้ายมากกว่าฉากในภาพยนตร์หลายเท่านัก"
"ผมลดความแรงลง แทนที่ผมจะเน้นหนักไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น นับจนถึงวันนี้ก็ 27 ปีมาแล้ว ผมอยากจะมอบชีวิตใหม่ให้แก่คนที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายวันนั้นมา"
เรื่องราวถูกเล่าผ่าน 4 ตัวละครหลักที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหยื่อในเหตุการณ์นั้น ชีวิตของคนธรรมดาได้เปลี่ยนไปอย่างถาวรในเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม โดยมีคนขับแท็กซี่ มินอู (นำแสดงโดย คิมซังคยอง) ที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขคอยดูแลน้องชายของเขา จินอู (นำแสดงโดยอีจุนกิ) ในขณะที่ต้องดูแลคนรักของเขา ชินแอ (รับบทโดย อีโยวอน) ไปด้วย
เมื่อนรกเปิดขึ้น มินอูและคนอื่นๆก็พร้อมที่จะปกป้องคนรักของตนด้วยร่างกายของตนเอง
นักแสดงสาว อีโยวอน สำหรับ 18 พฤษภาคมเป็นวันที่ทุกคนในชาติเกาหลีสัมผัสมันได้ เธอต้องร้องไห้ตลอดเวลาและทำผมทรงย้อนยุค "ฉันรู้สึกกลัวจริงๆ ถ้านี่มันเป็นเหตุการณ์จริง แทนที่จะเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์" เธอกล่าว "เป็นครั้งแรกที่ฉันอยู่ท่ามกลางกระบอกปืน"
อีจุนกิ บรรยายบทของตน "แสดงความรู้สึกของการถูกกดดันและความรุนแรงในช่วงเวลานั้น" นักแสดงนำจากภาพยนตร์ King and the Clown (2005) กล่าวเสริม "มันน่าเศร้ามากที่คนที่เห็นหน้ากันอยู่ทุกวันจะต้องถูกพรากจากกัน"
ผู้กำกับคิมกล่าวว่าในฉากอุโมงค์นั้นเป็นฉากที่เขาชอบมากที่สุด จนกระทั่งลูกสาวของเขาได้ถือกำเนิดขณะที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์
"จากการสัมภาษณ์ครั้งที่แล้วเพราะว่าเรื่องราวที่เราคุยกันมันหนักเกินไปหน่อย แต่ผมอยากเน้นหนักว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นรวมไปถึงมุขตลกที่แทรกเข้าไปด้วย" อันซองกิ นักแสดงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของเกาหลี ซึ่งรับบทเป็นพ่อของชินแอ และยังเป็นผู้นำกองทัพของประชาชนอีกด้วย
"แต่ผมกลับรู้สึกสลดและหัวใจที่แตกสลายกับการชมภาพยนตร์ในวันนี้เสียเหลือเกิน" เขากล่าว
ถึงแม้ว่าการทำภาพยนตร์อย่างเรื่อง 18 พฤษภาคม จะเครียดมากเท่าไหร่ แต่ผู้กำกับของเขาก็ยังคงมีอารมณ์ขันเสมอ
"พูดจริงๆนะ เรามีทุนไม่มากนักสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังนั้นทีมงานของเราทุกคน รวมไปถึงคนขับรถบัส แล้วก็ผู้จัดการของนักแสดงทุกคนจะต้องมาร่วมเล่นบทกันด้วยนิดๆหน่อย แล้วอันซองกิ ก็ยังช่วยกำกับอีกต่างหาก" ผู้สร้างกล่าวด้วยอารมณ์ขัน
"ไม่จริงครับ" คิมซังคยองคันค้านด้วยอารมณ์ขัน "เขาอาสาสมัครอยากแสดงเอง แถมยังหลุดซีนมากสุดด้วย"
ในช่วงของประธานาธิบดีชอน เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นการก่อกบฏของกลุ่มคอมมิวนิสต์ แต่ภายหลังจากการคืนกลับสู่กฏหมายหลัก เหตุการณ์นี้ก็ได้รับการบันทึกใหม่ว่าเป็นการประท้วงเพื่อคืนสู่ระบอบประชาธิปไดยภายใต้การกดดันจากทหาร จนท้ายสุดรัฐบาลต้องกล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการและสร้างอนุสาวรีย์ผู้เสียชีวิตขึ้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกเข้าฉายที่โซล ปูซาน และเมื่อกวางจูเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยจากการรายงานของสำนักข่าวยอนฮัปกล่าวว่ามีประชาชนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์นี้กว่า 3,000 เข้าร่วมชมภาพยนตร์และต่างก็ไม่สามารถอดกลั้นน้ำตาของตนเองได้ รวมถึงเสียงปรบมือที่กึกก้องยาวนานภายหลังภาพยนตร์จบลง
"ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เรามองหันกลับไปในวันนั้น" ยุนซอกดอง วัย 80 กล่าว โดยเขาได้สูญเสียลูกชายของเขา ซังวอน ในเหตุการณ์วันนั้น จากเวลายาวนานถึง 27 ปีหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ภาพยนตร์เรื่อง 18 พฤษภาคมได้นำทุกคนกลับสู่เหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวและการปลดปล่อยออกของจิตวิญญาณที่แท้จริงของคนชาวเกาหลี