KOREA
บูม (BOOM) และ แป็กก้า (Koyote) เผยความในใจกรณี ‘แจบอม (2PM)’ ถูกชาวเน็ตกระหน่ำวิจารณ์ (2009-09-09)
บูม (BOOM) คนบันเทิง และ แป็กก้า (Paek Ga) แห่ง Koyote แสดงความคิดเห็นต่อการลาออกของ แจบอม (Jae Bum) แห่ง 2PM อย่างฉับพลัน
แจบอม (Jae Bum) หัวหน้าวง 2PM ได้ถูกชาวเน็ตขุดคุ้ยข้อความที่เขาเขียนถึงประเทศเกาหลีเมื่อ 4 ปีที่แล้วในมายสเปสจนทำให้เกิดกระแจวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากชาวเน็ต และเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้เขาประกาศลาออกจากวงเมื่อวันที่ 8 กันยายน พร้อมทั้งเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาในวันเดียวกันทันที
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้คนในวงการบันเทิงต่างช็อคกันอย่างถ้วนหน้า โดยเฉพาะพิธีกรอย่าง บูม (ชื่อจริง อีมินโฮ) ได้อัพเดทไซเวิลด์มินิโฮมเพจของเขาพร้อมกับข้อความที่เผยให้เห็นถึงความเศร้าต่อการลาออกของแจบอม กล่าว “หัวใจผมเจ็บปวดมาก” เสริม “เพราะเขาเป็นน้องชายสุดรักของผมมันทำให้ราวกับหัวใจนั้นถูกฉีกทิ้ง” เขาเผยความในใจ
บูมกล่าว “ผมเชื่อและรักในน้องชายผมและผมเชื่อพร้อมทั้งหวังว่าเขาจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับภาพลักษณ์ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม วันนี้หัวใจผมเจ็บปวดมาก” เสริม “ถึงแจบอม พี่จะพยายามให้มากขึ้น เพื่อเวลานายกลับมา พี่จะได้ปกป้องนาย และนายจะได้มาอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นมากยิ่งขึ้นของพี่อีกครั้งนะ อย่าลืมกลับมาพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรงนะ พี่รักนาย” เขากล่าว
อีกทั้งทางด้าน แป็กก้า (Paek Ga) แห่ง Koyote ก็ได้อัพเดทไซเวิลด์ของเขาเช่นกัน แป๊กก้า กล่าว “เมื่อสองเดือนที่ผ่านมากลุ่มคนประเภทนี้ก็ได้ไล่บี้ผม ตัดสินว่าผมเป็นนักโทษและหาว่าผมทำเรื่องบัดสี (กรณีภาพฉาวในคลับที่ภายหลังพิสูจน์ว่าไม่ใช่เขา) คราวนี้พวกคนกลุ่มนี้ได้ทำในสิ่งเดียวกันกับเพื่อนผมซึ่งเขายังเป็นน้องชายผมอีกด้วย ทันทีที่ผมได้ยินข่าวและได้อ่านบทความต่างๆ มันทำให้ผมรู้สึกและคิดว่าสถานที่แห่งนี้มันช่างมันเป็นที่ที่มีคนน่ากลัวอยู่มากมายจริงๆ” เขากล่าว
แป็กก้า กล่าว “ฟันของผมกระทบกันด้วยความสะท้านจากเหตุการณ์ที่กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังฉาก ‘การล่าแม่มด’ ในครั้งนี้ ปลิดชีวิตคนคนหนึ่งด้วยนิ้วมือ(ข้อความ)ของพวกเขา ส่งให้คนคนนั้นไปในสถานที่แห่งหนึ่งที่เขาไม่สามารถหวนกลับมาได้อีกและทั้งหมดมันจบลงที่พวกเขาไม่มีความรู้สึกใดๆต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนสามารถทำผิดได้และโดยเฉพาะกับช่วงเวลาของวัยรุ่นที่ต้องผ่านความเจ็บปวดและยากลำบาก อย่างไรก็ตามด้วยการไล่บี้ของคนกลุ่มนี้ทำให้เขาต้องปิดฉากชีวิตของคนคนหนึ่งลง”
กล่าวต่อ “การเป็นศิลปินดูเหมือนจะเป็นงานที่ดูสนุกและสามารถทำเงินได้ แต่พวกคุณไม่รู้หรอกว่าผลที่ตามมาทางด้านจิตใจนั้นพวกเขาต้องเจ็บปวดมากมายสักเพียงไหน ผมขอร้องได้โปรดเถอะให้การกระทำเหล่านี้ต้องหยุดลงนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปได้ไหม” เขากล่าวด้วยหัวใจอันเจ็บปวด
กล่าวต่อ “ผมในฐานะศิลปินแม้ว่าผมจะไม่มีแฟนคลับมากมายหรือจะไม่มีอิทธิพลต่อใครมากนัก แต่ถึงกระนั้นผมก็อาจจะเป็นเพื่อนใครสักคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมหนึ่งของโรงเรียนเดียวกับคุณก็ได้ และด้วยสภาวะเหตุการณ์ที่ลุกลามจนใหญ่โตแบบนี้ผมก็คงจะมีสิทธิ์พูดในสิ่งที่ผมต้องการบ้างใช่ไหม” เขากล่าวถึงมุมมองที่มองต่อเหตุการณ์นี้
กล่าวต่อ “เพื่อนผมคนนี้ผมไม่ได้สนิมสนมหรือติดต่อกันเป็นประจำ บางทีถึงแม้ว่าพวกเราจะมีอุปนิสัยที่ต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ ผมก็ถูกโจมตีจากคนประเภทนี้และผมเข้าใจดีเลยว่ามันได้สร้างความเจ็บปวดมากเพียงใด ผมรับทราบได้ถึงสภาพจิตใจของเพื่อนคนนี้ได้เลยเมื่อตอนเขาอยู่ในเครื่องบิน ผมแค่หวังว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
แป็กก้า กล่าว “พวกเราไม่ใช่พระเจ้า แม้ว่าคนดีก็สามารถโกรธแค้นได้ ที่ซึ่งเขาหรือเธอจะสามารถแสดงความรุนแรงออกมาได้ แต่แน่ล่ะถ้าความผิดพลาดในสิ่งเดียวกันมันเกิดขึ้นซ้ำสอง มันก็อาจจะไม่ใช่ความผิดพลาด แต่การที่ให้ได้ให้โอกาสให้เขาขอโทษ มันอาจจะทำให้เขากลายเป็นคนที่มีความสมบูรณ์พร้อมมากขึ้น บางคนอาจเชื่อว่าผมเขียนข้อความนี้เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง แต่เนื่องจากมันเป็นความคิดส่วนตัวของผม ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะสาบแช่งหรือโจมตีหรืออะไรกับผมอีก อย่างไรก็ตามถ้าคุณคิดจะทำแบบนั้น ก่อนอื่นให้คิดและมองตัวคุณเองว่าคุณนั้นสะอาดและเป็นคนดีสักเพียงใด ก่อนที่คุณจะใช้นิ้วของคุณเขียนข้อความว่าร้ายรุนแรงต่อผม เราทั้งหมดรู้ดีว่าการให้อภัยและความเข้าใจนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด” เขากล่าวปิดท้าย