KOREA
ชายนี่ (SHINee) คาร่า (KARA) ไรอัน (Ryan) ร่วมเปิดงาน Thailand Entertainment Expo 2009 (2009-09-16)
กรมส่งเสริมการส่งออก ผนึกกลุ่มธุรกิจบันเทิงไทยจัดงาน มหกรรมอุตสาหกรรมบันเทิงไทย 2552 หรือ Thailand Entertainment Expo 2009 ร่วมอวดศักยภาพผลงานของคนวงการบันเทิง และผลักดันอุตสาหกรรมบันเทิงไทยรุกสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น พบกับกิจกรรมอันหลากหลาย และการรวมตัวครั้งสำคัญกลุ่มอุตสาหกรรมบันเทิงทุกสาขา เช่น ภาพยนตร์ ,เพลง, แอนนิเมชั่น ฯลฯ พร้อมด้วยคอนเสริ์ตจากศิลปินชื่อดังทั้งในและต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 16-20 ก.ย.นี้ ณ สยามพารากอน
นายประมุข มนตริวัต ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมธุรกิจบริการการส่งออก กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการจัด งานมหกรรมอุตสาหกรรมบันเทิงไทย 2552 หรือ Thailand Entertainment Expo2009 ถือเป็นครั้ง 2 ซึ่งจากความสำเร็จครั้งที่ผ่านมา ที่มีผู้เข้าร่วมงาน 74 บริษัท มีเงินหมุนเวียนจากการสั่งซื้อในงานประมาณ 12 ล้านเดอลล่าสหรัฐ และมีมูลค่าการซื้อ-ขายใน 1 ปี ประมาณ 79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปีนี้เราพยายามให้มีการซื้อขายสินค้าให้มากขึ้น โดยมีจำนวนผู้ร่วมออกบูธประมาณ 125 บริษัท
สำหรับ การจัดงานมหกรรมอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ครั้งที่ 2 นี้ มีกำหนดจัดงานขึ้นในระหว่างวันที่ 16-20 กันยายน 2552 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ณ พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพผลงานการผลิตของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยให้ประจักษ์ในเวทีระดับสากล และผลักดันให้เมืองไทยได้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมบันเทิงในเอเชีย รวมทั้งกระตุ้นการค้า การลงทุน โดยดึงนักลงทุนจากต่างประเทศที่สนใจเปิดเป็นเวทีการซื้อขายลิขสิทธ์ ตลอดจนผลักดันให้เมืองไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก เพื่องานบันเทิงในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ โทรทัศน์ วิทยุ งานโฆษณา มัลติมีเดีย การ์ตูนแอนิเมชั่น ฯลฯ
ประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดที่สำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน โดยมีจุดแข็ง คือ มีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์และความคิดสร้างสรรค์ และยังมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว มีอุปกรณ์และเครื่องมือในการถ่ายทำที่ทันสมัย ในขณะที่ค่าบริการในการรับจ้างผลิตและค่าแรงงานของไทยถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก ดังนั้นโอกาสที่ธุรกิจบันเทิงของไทยจะเติบโตจึงมีอีกมาก นายประมุข กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภายในงานนอกจากจะมีการจัดบูธนิทรรศการจากค่ายหนัง ค่ายเพลง ค่ายละคร
แล้ว ในปีนี้ กรมส่งเสริมการส่งออก ยังได้ร่วมมือกับ มูลนิธิเพื่อการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศของเกาหลี (KOFICE) นำสุดยอดบรรดาศิลปินวัยรุ่นทั้งไทย และเกาหลีใต้ ร่วมโชว์ฟรีคอนเสิร์ต โดยมีศิลปินไทย กอล์ฟ ไมค์ , ไอซ์ ศรันยู และน้ำชา พร้อมด้วยโชว์ศิลปินจากเกาหลี อาทิ วงชายน์นี่ (SHINee) , วงคารา (Kara ศิลปินเกิร์ล แบนด์ชื่อดังของเกาหลีใต้) , Jaeng-E Traditional Percussion Performance Team (กลุ่มโชว์กลองวัฒนธรรมโดยศิลปินหญิง 9 คน) และหนุ่มไรอัน (Ryan) จากวงพารัน (Paran) โดยกิจกรรมคอนเสิร์ตจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดี ที่ 17 ก.ย.นี้ ณ พาร์ค พารากอน (Parc Paragon)
นอกจากนี้ ยังมี โรงภาพยนตร์ 4D หรือ บันเทิงไทยทะลุมิติ เป็นการนำเสนอศักยภาพด้านการบันเทิงของไทย ที่ตื่นตาตื่นใจในรูปแบบของ Fantastic 4D Theater จัดให้ชมในวันที่ 1718 ก.ย.52 เวลา 14.0018.00 น.และวันที่ 19 20 ก.ย. 52 เวลา 11.0018.00 น. และการจัดสัมมนาหลากหลายหัวข้อ อาทิ TV Thai In Asian โดย Workpoint Entertainment , Software Animation โดย SIPA , Flim Finance สานฝันคนบันเทิง (SME Bank, ธนาคารอิสลาม) และการแข่งขันเต้น Cover Dance Contest
พร้อมชมคอนเสริ์ตจากวง Play Ground วันที่ 18 ก.ย.52 / เวลา 18.00 – 20.00 น. Paradox, Abuse The Youth, Midnight, Pianismo วันที่ 19 ก.ย. 52 เวลา 18.00 – 20.00 น และ 7 Days & Nice 2 You วันที่ 20 ก.ย. / เวลา 18.00 – 20.00 น
ด้าน นายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย นายกสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ตอกย้ำถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า เป็นการโชว์ศักยภาพของกลุ่มธุรกิจบันเทิงของไทย ปัจจุบันการผลิตสื่อบันเทิงของไทยได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะงานโฆษณาที่อยู่ใน 3 ลำดับแรกของโลก ดังนั้นการจัดงานครั้งนี้ ทางสมาคมฯ จึงพยายามดึงคนให้เข้ามาร่วมงานให้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจบันเทิงในเอเชีย ที่จะต้องมีการผนึกกำลังกัน เพื่อสร้างมูลค่าตลาดให้แข็งแกร่งมากขึ้นซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ มีเป้าหมาย คือ การสร้าง Image หรือภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยที่จะได้กลับมาอย่างมหาศาล
ในปีนี้เราได้เชิญผู้ผลิตจากเกาหลีมาร่วมออกงานด้วย เพื่อสามารถแข่งขันกับยุโรปหรืออเมริกาได้ เพราะลำพังเพียงไทยหรือญี่ปุ่นหรือเกาหลีจัดเอง ก็จะเป็นงานเล็กๆ ผู้ผลิตทั่วโลกไม่ค่อยสนใจ แต่เมื่อเอเชียรวมกัน ก็จะทำให้ตลาดมีขนาดใหญ่และมีสินค้าหลากหลายมากขึ้น สำหรับความเป็นไปได้ที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางบันเทิงเอเชียนั้นเราคงต้องใช้ระยะเวลา เพราะตลาดภายในประเทศยังมีขนาดเล็ก ดังนั้นการรวมกลุ่มของเอเชียน่าจะเป็นสูตรสำเร็จหนึ่ง ที่มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยแข็งแกร่งขึ้นในที่สุด นายปราโมทย์ กล่าว
ขณะที่ นายจาฤก กัลย์จาฤก นายกสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ กล่าวเสริมว่าตนเชื่อมั่นว่าการจัดงานครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ทั่วโลกรู้จักไทย เพราะไทยมีความพร้อมหลายด้าน ทั้งในแง่ของบุคลากรและนวัตกรรมการผลิตและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า มาตรฐานการผลิตของไทยอยู่ในระดับมาตรฐานฮอลลีวู้ดเลยทีเดียว ขอเพียงให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนให้เป็นรูปธรรม เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลี,มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ เป็นต้น
เราเห็นด้วยอย่างยิ่งกับเจตนาในการจัดงาน ที่จะผลักดันอุตสาหกรรมบันเทิงไทยก้าวไปสู่ระดับนานาชาติเพื่อพัฒนาให้เป็น ฮับ ของเอเชีย แต่อยากให้ภาครัฐมองภาพรวมและทำความเข้าใจกับอุตสาหกรรมด้านนี้อย่างลึกซึ้ง เพราะมีความเป็นเอกเทศ ด้วยการรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการในแนวทางและวิธีการจัดงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งผลักดันให้รัฐบาลบรรจุอุตสาหกรรมด้านนี้ให้อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทั้งแผน 10 และแผน 11 ตลอดจนผลักดันการแก้ไขกฎหมายด้านการละเมิดลิขสิทธิ์ และการจัดตั้งองค์กรมหาชน เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ปี 2551 ด้วย
นอกจากนี้นายจาฤก ยังได้กล่าวถึงภาพรวมของของตลาดภาพยนตร์ในปัจจุบัน ว่า มีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับ 5-10% โดยในปี 2550 มีภาพยนตร์ไทยออกฉาย 47 เรื่อง ในปี 2551 จำนวน 50 เรื่อง และในปี 2552 มีภาพยนตร์สร้างออกฉาย (Line Up) จำนวน 55 เรื่อง ทั้งๆ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างหนัก หากรัฐบาลสามารถขจัดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ อุตสาหกรรมภาพยนตร์จะเติบโตได้เป็นเท่าตัว หรือ 100% รวมทั้งสร้างรายได้ให้กับประเทศได้นับแสนล้านบาทต่อปี