Connect with us

PINGBOOK

KOREA

“ป๋าเต็ด” สร้างสถิติใหม่ “เป๊ปซี่ พริเซนต์ บิกเมาน์เทน มิวสิก เฟสติวัล” มันใหญ่มาก.. คนเยอะมากกก.. สามหมื่นห้าพันคนร่วมใช้ชีวิตที่โบนันซ่า ศิลปินไทย-เทศ กว่า 500 ชีวิต ร่วมโชว์ 6 เวทีสุดประทับใจ (2010-12-13)

ผ่านมาแล้วแต่ยังไม่ยอมผ่านไปง่ายๆ เพราะยังคงเป็นที่พูดถึงกันอยู่ไม่ขาดปากสำหรับงาน “เป๊ปซี่ พริเซนต์ บิกเมาน์เทน มิวสิก เฟสติวัล”  48 ชั่วโมง  2 วัน 2 คืนรวด  ณ โบนันซ่า เขาใหญ่  ทุ่มทุนเนรมิตและทุ่มเทความคิดสร้างสรรค์โดย ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม กรรมการผู้จัดการสังกัดเกเร ในเครือบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน)  ร่วมกับ สงกรานต์ เตชะณรงค์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบนันซ่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล จำกัด   โดยได้รับการสนับสนุนหลักจาก เป๊ปซี่ (PEPSI)   เทศกาลดนตรีครั้งนี้นอกจากจะสนุกสุดมันกับศิลปินกว่า 500 ชีวิต ไม่จำกัดค่าย แนวดนตรีหรือเชื้อชาติ  ไฮไลท์เด็ดต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วทุกมุมงานอีกคับคั่ง  ป๋าเต็ดยังทำลายสถิติกับจำนวนผู้ชมที่มากถึงสามหมื่นห้าพันคนต่อวัน  ทำให้บรรยากาศของงานนั้นคึกคักมากมายจริงๆ  จนประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า.. ปีหน้า 10-11 ธันวาคม 2554 เจอกันอีกแน่นอน !!!
 
ไฮไลท์ศิลปินบนเวทีต่างๆ ในครั้งนี้เริ่มกันที่  Main Stage วันแรกของงาน (ศุกร์ที่ 10 ธันวาคม)  อพาร์ตเมนต์คุณป้า นำทีมโดย ตุล กวีร็อกเกอร์สุดเซอร์  ขึ้นเวทีเรียกผู้คนที่กระจายอยู่ตามงานให้เริ่มเคลื่อนที่มาจับจองพื้นที่หน้าเวที Main Stage โดยเฉพาะเมื่อส่งท้ายด้วยเพลง ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ  ก่อนที่  The Bottom Blues  น้องใหม่มาแรงจะขึ้นมาเล่นเพลงสนุกๆ ชวนคนขยับตัวตาม ก่อนจะส่งมอบหน้าที่ให้ผู้คนได้มาเขย่าหัวกันต่อกับ Sweet Mullet เข้าสู่อีกหนึ่งช่วงไฮไลท์ของงาน กับหนุ่มรูปหล่อ โดม ปกรณ์ ลัม และวงของเขา Nologo ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้ไม่แพ้วงอื่นๆ   ที่เด็ดสุดคือ โต กับวงของเขา Hangman คัดมาแต่ละเพลงนี่ทำให้ทุกคนกระโดดกันอย่างเมามันส์ และร้องตามกันอย่างสนุกสนาน  ทั้ง Chocolate, จิ๊จ๊ะ, น้ำลาย ฯลฯ  มุมคนดูหน้าเวทีก็สนุกสุดเหวี่ยง  พร้อมกับมุมหลังเวทีซึ่งศิลปินที่ขึ้นเล่นไปแล้วตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ รวมไปถึงศิลปินที่กำลังรอจ่อคิวขึ้นเวทีอย่าง Slot machine และ Potato ต่างก็กรูกันไปดูไปเชียร์ Hangman กันหมด   ระดับความพีคยิ่งพุ่งขึ้นไปอีกเมื่อน้องใหม่ไฮไลท์ที่ทุกคนจับตารอชมอย่าง  25 Hours ขึ้นโชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์แสดงสดได้สุดขั้วสุดขีด  Paradox ก่อนจะปิดเวทีในค่ำคืนแรกด้วยวง Buddha Bless
 
คืนที่สองของ Main stage (เสาร์ 11 ธันวาคม) ยิ่งทวีความสนุก เริ่มเปิดเวทีด้วย Pancake ตามด้วย Playground ต่อด้วย  Nebula ซึ่งเป็นการวมตัวกันของ Y not 7 / จั๊ก-ชวิน / ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล และ The Must  ขนเอาเพลงที่เคยอยู่ในดวงใจทุกคนมาเล่นอย่าง  เจ้าทุยอยู่ไหน  กับ ทิ้งรักลงแม่น้ำ พร้อมกับซิงเกิลใหม่ๆ อีกด้วย   Klear ขึ้นเวทีกับเพลงดังอย่าง  รักไม่ต้องการเวลา, จะรักหรือจะร้าย, เล่นของสูง  ทำเอาคนดูกระโดดไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อน แล้วเสียงกรี๊ดยิ่งดังกระหึ่ม เมื่อวงในดวงใจอย่าง Groove Riders ก้าวขึ้นเวที   และมาถึงไฮไลท์อีกหนึ่งช่วงของ Main stage เป็นเซอร์ไพรส์ที่ผู้คนเรือนหมื่นต้องกรี๊ด เพราะแขกพิเศษที่ ป๋าเต็ด อุบไว้ไม่ยอมบอกใครนั้นก็คือ   พรู  วงดนตรีรุ่นใหญ่ที่แยกย้ายกันไปทำงานอื่นๆ และไม่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตร่วมกันมานาน หวนกลับมารวมตัวกันเฉพาะกิจ เพื่อคนดูบิกเมาน์เทนโดยเฉพาะ ซึ่งเสียงตอบรับ.. มัน ดี มาก


อีกหนึ่งความสนุกที่ไม่มีวันลืม เมื่อนักร้องหญิงเดี่ยว ซึ่งเป็นคนเดียวที่ได้ขึ้นเวที Main stage ดา เอ็นโดรฟิน ที่ขนเพลงดัง จังหวะสนุกๆ ขึ้นเวทีร่วมสิบเพลง ต้องบอกว่า ดาเอ็นเตอร์เทนท์คนดูกว่าสองหมื่นคนได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งลีลา และน้ำเสียงการร้อง ที่ทำให้คนดูแทบจะหายใจ หายคอ ไม่ทัน เพราะร่วมร้อง ร่วมกระโดดไม่หยุดกันเลยทีเดียว  และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของงานบิกเมาน์เทน  เมื่อศิลปินสุดฮ็อตในพ.ศ.นี้อย่าง Bodyslam ขึ้นเวที เสียงตอบรับจากล้นหลามจากคนร่วมสามหมื่นคน นับแต่เพลงแรก ยันเพลงสุดท้าย  นอกเหนือจากทุกคนจะได้สนุกสนานกับเพลงและดนตรี เมื่อเข้าเพลง ความเชื่อ  ซึ่งมีศิลปินพรีเซนเตอร์เป๊บซี่ อย่าง ดา เอ็นโดรฟิน / ชิน-ชินวุฒ และ ฟีฟี่  ขึ้นร่วมร้องแจม ยังมีลูกบอลยักษ์สลับลูกบอลจิ๋วจากเป๊บซี่ ที่ถูกโยนจากทุกทิศทาง เข้าสู่ฝูงชน เพื่อให้ทุกคนได้เล่นกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่ Bodyslam จะปิดท้ายความมันส์ด้วยเพลง ยาพิษ  พร้อมระเบิดไฟพุ่งขึ้นหน้าเวทีอย่างอลังการ  ศิลปินวงต่อมาอย่าง Crescendo นั้นก็ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังอยู่แล้วในเรื่องของฝีมือแสดงสด  สร้างความประทับใจให้ทุกคนไม่น้อยหน้ากัน   ต่อเนื่องแบบไม่ให้พักหายใจกับ Clash ที่ประกาศแยกวงหลังอัลบั้มสุดท้ายไปแล้ว  ซึ่งนี่อาจจะเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสุดท้ายของ Clash พวกเขาเลยขอถ่ายภาพร่วมกับคนดูเก็บไว้เป็นที่ระลึก  แถม ชิน ชินวุฒ ยังโผล่มาแจมเพิ่มเสียงกรี๊ดกันอีกด้วย   ส่วนวง Zeal รับหน้าที่ฟินาเล่โชว์ปิดท้าย Main Stage ไปด้วยความมันส์และยิ่งใหญ่ไม่แพ้วงอื่นๆ ทำให้คอดนตรีที่ร่วมงานบิกเมาน์เทนได้รับความสุขกับเสียงดนตรีกันไปเต็มๆ
 
ก่อนจะเดินผ่าน ซอยทองหล่อ สาขาบิกเมาน์เทน ทะลุไปที่ เวทีวัว ขอแนะนำให้รู้จักกับย่านใหม่แห่งนี้สักนิด   เพราะเปิดทำการครั้งแรกก็ได้รับการตอบรับล้นหลาม สำหรับ ซอยทองหล่อ สาขา บิกเมาน์เทน  เนื่องจากอุดมไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่รับประทานได้สะดวกรวดเร็ว ทั้ง มาม่าคัพ / วุ้นเส้นคัพ / ป็อปคอร์น / ชากาแฟ / น้ำอัดลม / โดนัท / นักเก็ต (อันนี้ คุณปุ้ย ผู้หญิงถึงผู้หญิง ยกร้านมาเอง) ฯลฯ   ร่วมด้วยเครื่องเล่นสไตล์งานวัดทั้ง ปาลูกโป่ง / โยนห่วง / ตั้งขวด หรือแม้กระทั่ง เธครถบั๊มพ์  ที่นี่ก็มีบริการ  บริหารงานโดย ดีเจ. เอไทม์ และชาวคณะจีเอ็มเอ็มมีเดียเสียด้วย    อิ่มแล้วสนุกแล้วยังได้ทำความดีกับโครงการ Big Bin ที่ชวนทุกคนแยกขยะก่อนทิ้ง  แล้วยังนำขยะมาเพิ่มมูลค่าด้วยการนำมาแลกของมีประโยชน์อื่นๆ เช่นแผ่นรองนั่ง หรือกระเป๋าเดินทางได้ด้วย ได้ช่วยโลกและเพื่อนร่วมโลกอีกต่างหาก   นอกจากนี้ยังมี อุโมงค์แห่งความสุข  บริการโปสการ์ด ของที่ระลึก D.I.Y. ซึ่งคุณสามารถตกแต่งและส่งต่อความสุขให้คนที่คุณรักและคิดถึงได้อย่างเก๋กรี๊ดถูกใจ   บอกแล้วว่างานนี้เขาดูแลทุกคนให้ สนุกขึ้น สะดวกขึ้น สะแด่วขึ้น จริงๆ
 
มาถึง Cow Stage สุดหรรษา  ซึ่งครั้งนี้  Mr.Stake (สิ่งประดิษฐ์รูปวัวที่สูงเท่าตึก 5 ชั้น ) ก็โชว์ท็อปฟอร์มสุดสะแด่ว  ดนตรีไพเราะเพราะระเบิด  ศิลปินไทย-เทศสนุกชิลล์ล้นเวที   คุณพี่วัวโลโก้ของเรายังมีลูกเล่นแพรวพราวแบบไม่ซ้ำมุข   วันแรกเปิดตัวมิสเตอร์สเต๊ก ในมาดอินทรีวัวเล่นหูเล่นตาสารพัด  วันรุ่งขึ้นกลายร่างเป็น iron cow  สวมหน้ากาก iron man สีบาดใจ ใส่ accessories น่ารักๆ ทั้งสวมมงกุฎดอกไม้เจ็ดสี เล่นอูคูเลเล่แข่งกับสิงโต นำโชค  แลบลิ้นเป็นลาย P.O.P แถมยังแปลงร่างเป็นวัวราเรม่อนต้อนรับการมาเยือนของเคลมองธีนอีกต่างหาก  เท่านั้นยังไม่พอพี่วัวยังส่งสายตาได้ หลากหลายอารมณ์   ไม่ว่าจะตาหวาน ตาซึ้ง ตาเศร้า ตาสุข ตางง ตาเป็นประกายดอกไม้สายรุ้ง แถมยังโยกหัว แลบลิ้น เปลี่ยนเขา แต่งทรงผม เติมหนวด กระทั่งควันออกจมูก น้ำมูกน้ำตาไหลได้อย่างหรรษาตระการตา   โชว์พิเศษจากศิลปินมากหน้าหลายตาหลากรุ่นของเวทีนี้ก็ใช่ย่อยเสียที่ไหน   พออากาศช่วงพลบค่ำมาถึงลมหนาวโชยไม่ขาดสาย  ไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าการนั่งเสพเพลงเพราะๆ ดนตรีชิลล์ๆ  จากทั้ง ลุลา / แคลอรี่ส์ บลา บลา / เบล สุพล / เจี๊ยบ วรรธนา / สิงโต นำโชค / ลิปตา / เจ็ตเซ็ตเตอร์ / ไฮดรา / โซลอาฟเตอร์ซิกซ์ / เบน / โต๋ / ตู่ / แสตมป์  / ฟรายเดย์ / พีโอพี / อาร์มแชร์ / ซิงกูล่าร์ ฯลฯ   แกล้มด้วยโชว์ชั้นดีหาดูยากของศิลปินต่างประเทศจากซีกโลกเอเชียและยุโรป   ทั้งสาวหวาน ริเอโกะ (Rieco) จากเมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น  ร่วมด้วย ฟูกู (Fugu) และ เคลมองธีน (Clementine) จากประเทศฝรั่งเศส   ปิดท้ายด้วยโชว์ซ่าบ้าสนุก ของคณะมโหรีดนตรีสกา  คืนแรก ทีโบน ตัวพ่อเพลงสกาครองเวทีไปตามระเบียบ   คืนที่สอง The Super Glasses Ska Ensemble หนึ่งในวงดนตรีสกาที่ซ่า บ้า สนุก มาแรงที่สุดในยุคนี้ขอแจ้งเกิด   ส่งท้าย บิกเมาน์เทน 2…มัน ใหญ่ มาก แบบหรรษาตามประสาเวทีวัว ที่สนุกขึ้น สะแด่วขึ้น สมคำร่ำลือ 
 
จากนั้นแวะไปลิ้มลองความแปลกใหม่ที่ Durian Stage หรือเวทีทุเรียนกันดูบ้าง  ไม่เพียงออกแบบรูปทรงดนตรีได้หวือหวาไม่แพ้ชื่อ ทั้งเหลี่ยมมุมและการยกสูงจากพื้นเผยให้เห็นทัศนียภาพของงานบิกเมาน์เทน2 ที่มัน ใหญ่ มาก จริงๆ แต่ยังล้ำด้วยเทคโนโลยีเสียงระบบ 8Channel ที่ส่งทุกสรรพเสียงตรงสู่โสตประสาทคุณแบบละเอียดยิบ  พร้อมดนตรีแนว experimental ที่เปิดประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครได้สุดยอดจริงๆ  ศิลปินที่โชว์ในเวทีนี้ นอกจากกลุ่มศิลปินในไทยที่มีชื่อเสียงเรื่องการทดลองเรื่องซาวนด์ใหม่ๆ บางคนดังไกลถึงต่างประเทศ อย่าง Neuter Lover, Stylish Nonsense, DJ Dragon ฯลฯ แล้วยังมีศิลปินแนวทดลองจากแดนอาทิตย์อุทัย มาแสดงให้ชมแบบใกล้ชิด  ทั้ง อาโอนามิ (Aonami) กับดนตรีอิเล็กทรอนิกส์นิวเวฟ ที่ผสานความล้ำแบบเอ็กซ์เพอริเมนทัลและซาวนด์ออริจินัลแบบ 8 บิต ที่ชาวเกมบอยรู้กัน ได้มีสไตล์สุดๆ ทำให้ชาวเวทีทุเรียนทั้งไทย ญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ แดนซ์เพลินลืมเวลา และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ เคาพี (Cow’P) ที่ปลดปล่อยความสนุกได้กระชุ่มกระชวย นอกจากผสานทุกเสียงดนตรีได้เกินคาดเดาแล้วยังเอนเตอร์เทนได้สุดขั้ว  คนดูติดอกติดใจไปตามๆ กัน
 
กระเถิบอีกนิดไปยลโฉมใหม่ของ District9 เวทีที่มีสัญลักษณ์เป็นจานบินลึกลับ  สถานที่แจ้งเกิดให้ศิลปินหลายรายไปในหนที่แล้ว  หนึ่งในจำนวนนั้นคือ  25 hours   กลับมาครั้งนี้  District9 คลอดยานลูกมาอีก 1 ลำ  พร้อมนำศิลปินจากแดนอาทิตย์อุทัยสายพันธุ์ร็อกเข้ามาบุกประเทศวัวด้วย  พวกเขาคือ โลว์แฟต (Low Fat)  พังก์ร็อกเชื้อสายฮาร์ดคอร์ หน้าตาดี ฝีมือดี พาคนโดดไม่ยั้ง มันแบบไขมันลดลงชัวร์   และแน่นอน District9 ยังจัดหนักด้วยการนำเสนอวงดนตรีเพียบ ทั้งหน้าใหม่และหน้าคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น ปลานิลเต็มบ้าน / The Jukks / The Yer / No More Tear / Instinct / Ebola / Bear Garden / Abuse The Youth ฯลฯ  รวมทั้ง Little Fox หรือ  จีน–มหาสมุทร บุณยรักษ์  อีกคนคุ้นเคยของบิกเมาน์เทน  มาพร้อมเพื่อนพ้องและแนวเพลงแบบ Little Fox  มีเขี้ยว คมคาย แต่ไม่อันตราย เพลินๆ เซอร์ๆ เหมือนเจ้าตัว เป็นร็อกกลิ่นอายโฟล์กที่ผสานและกลั่นกรองจากหลายแนวดนตรี  ถ้าเดินไกลถัดจาก District9 ไปอีกนิดจะถึงละแวกพื้นที่ของ โรงหนังสยาม เปิดฉายเฉพาะหนังสยองขวัญกันกลางป่า  สารภาพตามตรงว่า  ใจไม่กล้าพอ  เลยขอยืนสังเกตการณ์จากมุมไกลๆ
 
ผับอโคจร ของ น้าเน็ก ก็ช่างอโคจรได้สมบูรณ์แบบสมชื่อ  จุดนี้แทบรายงานบรรยากาศและเผยแพร่ภาพกันไม่ได้ทีเดียว  เพราะเกรงว่าจะไม่ผ่านทั้งเซ็นเซอร์ และ อย.  เว้นเพียงศิลปินที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พลัดหลงมาขึ้นโชว์อาทิเช่น  Musketeers / Ewery / SUPERSUB / โทนี่ผี / ทะโมน / ย้อนแยง / Yellow Fang / Better Weather ฯลฯ   กับช่วงมอบรางวัลตะหลิวทองคำให้กับผู้ชนะการแข่งขันชิงแชมป์ข้าวไข่เจียวแห่งประเทศไทย  ‘มัน ไข่ มาก’ ครั้งแรกในโลก  และหลังจากมีผู้สมัครเข้าร่วมออดิชั่นล้นหลาม ก็ได้ 10 ร้านเด็ดที่เข้ารอบ และมาปักหลักขายกันตลอด 48 ชั่วโมง ณ ไข่เจียวซิตี้ ในงานบิกเมาน์เทน เพื่อเปิดให้ผู้ร่วมงานเลือกร้านที่ชอบ รับประทานเสร็จก็โหวตให้ร้านที่ใช่  ซึ่งผลการโหวตก็ออกมาแล้วว่า  “ไข่ตะแกรง”  ของร้าน K7  ที่ฟูกรอบถึงใจ  ได้รับคะแนนเสียงหยอดกล่องเทให้จนคว้าแชมป์ไปแบบเต็มรัก
 
นอกจากการแสดงบนเวทีและกิจกรรมที่เพิ่มความ สะดวกขึ้น-สนุกขึ้น-สะแด่วขึ้น ล้นงานแล้ว สาธารณูปโภคต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมาในบิกเมาน์เทนหนนี้ ก็ได้ใจสาวกไปเต็มๆ เพราะมันสะดวกขึ้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ป้ายรถเมล์หน้าเด้ง พร้อมด้วยรถเมล์ (สองแถว) ที่คอยให้บริการตลอดทั้งสองวันสองคืน   และยืนยันได้เลยว่าเป็นเทศกาลดนตรีแห่งเดียวที่ไม่เพียงมีรถเมล์บริการฟรี แต่ยังเป็นรถเมล์ที่มีผู้โดยสารแน่นทุกคัน ขึ้นกันอย่างสนุกสนาน ถึงทุกจุดหมายตรงใจที่สุด   หรือถ้าใครทำของหาย, แบตหมด, อยากติดต่อสอบถามหรือวานดีเจประกาศอะไร คนที่บิกเมาน์เทนเขาก็ตรงไปที่ ศาลากลาง (City Hall) กันทันที เพราะที่นี่เป็นจุดศูนย์กลางของทุกสิ่งในงานนี้  และถึงแม้จะมีรถให้นั่ง มีคอนเสิร์ตให้นอนดู แต่คนเราก็เมื่อยกันได้บ้าง  ก็อยากจะพักผ่อนบ้างอะไรบ้าง  งานนี้ป๋าเต็ดเขาจัดให้ทั้งบริการนวดเท้าใน รีเฟรชชิ่งยูนิตโซนโดยเป๊ปซี่   และ คาเฟเปลญวน ให้เลือกพักผ่อนตามอัธยาศัย  ได้ข่าวว่าเป็นที่นิยมดีมีผู้คนใช้บริการกันไม่ขาดสาย ถูกใจคนรักเทศกาลดนตรีที่ มัน ใหญ่ มาก ที่สุด ในประเทศไทย 
               
บัตรเข้างาน “เป๊ปซี่ พริเซนต์ บิกเมาน์เทน มิวสิก เฟสติวัล”  หนนี้ยังมีความหมายนักสำหรับหนหน้า…  ป๋าเต็ด ฝากปิดท้ายว่า  ติดตามตอนต่อไปได้ทาง  WWW.bigmountainmusicfestival.com






















































Continue Reading
You may also like...
Click to comment

Leave a Reply

More in KOREA

Hot Tag

Trending

Follow me on Twitter

To Top