พัคยูชอน (Park Yuchun) ออกเดทกับแฟนๆในเซียงไฮ้ ในงานแฟนมีท ‘2012 PARK YU CHUN ASIA TOUR FAN MEETING In SHANGHAI’ (2012-08-27)

หลังจากได้รับความนิยมอย่างมากจากผลงานละครเรื่อง ‘Sungkyunkwan Scandal’ เมื่อปี 2010 และล่าสุดกับ ‘Prince Roof Top’ พัคยูชอน ได้ลัดฟ้าไปยังเซียงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อพบกับแฟนๆในเอเชียทัวร์

ความรักที่พัคยูชอนได้รับจากแฟนๆชาวจีนนั้นมีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในเว็บพอร์ทัลพัคยูชอนแฟนคอมมิวนิตี้มีสมาชิกมากกว่า 1 แสนคนมานานแล้ว  ในขณะเดียวก็มีแฟนๆกว่า 5 พันคนร่วมลงชื่อให้มีการจัดงานแฟนมีทติ้งแช่นกัน ในตอนที่พัคยูชอนเดินทางไปถึงจีนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีแฟนๆไปรับเขากว่า 1500 คนทำเอาสนามบินผู่ตงเซียงไฮ้แทบแตกกันเลยทีเดียว

C-JeS Entertainment เปิดเผยเกี่ยวกับความนิยมของพัคยูชอนกล่าวว่า “แม้ก่อนจะออกอากาศละคร ‘Prince Roof Top’ ในจีนเขาก็ได้ความสนใจอย่างร้อนแรง โดยเฉพาะเราทราบว่าความนิยมนั้นเริ่มตั้งแต่ตอน Sungkyunkwan Scandal” เสริม “แม้เราคาดว่าจะได้รับความนิยมจากแฟนๆชาวจีนแต่เราไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะร้อนร้อนแรงขนาดนั้น การเริ่มต้นด้วยความราบรื่นทำให้เราคิดว่าเอเชียทัวร์แฟนมีทติ้งครั้งนี้จะะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน” เขากล่าว

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ Mercedes-Benz Arena เซียงไฮ้ ประเทศจีน พัคยูชอน ได้จัดงานแฟนมีทติ้งเดี่ยว ‘2012 PARK YU CHUN ASIA TOUR FAN MEETING In SHANGHAI’ กับแฟนๆชาวจีนกว่า 2 ชั่วโมง ในขณะที่แฟนๆที่ไม่สามารถหาบัตรเข้าชมได้ พวกเขาก็รอพัคยูชอนอยู่ด้านนอกฮอลล์พร้อมตะโกนชื่อเขาจนถึงตอนจบงานนับเป็นบรรยากาศที่น่าขนลุกเป็นอย่างมาก

ในงานแฟนมีทติ้งวันนี้พัคยูชอนมาพร้อมกับเพลงประกอบละครเรื่องก่อนของเขา ‘Miss Ripley’ อย่าง ‘This Empty Place is For You’ พร้อมพูดคุยอัพเดทเรื่องราวในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้เขากับแฟนๆยังได้มาร่วมกันแสดงบทพูดเด่นๆในละคร การโทรไปหาแฟนๆโดยตรงและถามตอบคำถาม เกมกอดให้ลูกโป่งระเบิด นับเป็นช่วงเวลาแห่งความพิเศษเป็นอย่างมาก

พัคยูชอนเผย “แม้ว่าจะเป็นการกลับมาหลังจากห่างหายไปนานแต่ทุกคนก็ให้การตอบรับอย่างร้อนแรง ตกใจจริงๆครับ” เสริม “ผมเพียงตั้งใจทำกิจกรรมอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมานั้นมันมากกว่าอีกครับ ขอบคุณที่ทุกคนมาหาผมนะครับ ในวันข้างหน้าผมจะตอบแทนทุกคนด้วยการทำงานที่หนักมากยิ่งขึ้น” เขากล่าว

อนึ่ง ในเดือนกันยายนนี้ พัคยูชอน เตรียมจัดแฟนมีทติ้ง ณ เสินเจิ้น ประเทศจีน และไต้หวัน ตามด้วยประเทศไทย