KOREA
Dong Bang Shin Ki รู้สึกเหมือนเริ่มเข้าสู่วงการใหม่อีกครั้ง ! (2006-10-06)
ดงบังชินกิ Dong Bang Shin Ki เริ่มโปรโมทอัลบั้มที่ 3 ของพวกเขาที่ออกในประเทศเกาหลี ซึ่งการโปรโมทครั้งนี้มีความพิเศษเป็นอย่างที่สุด นั่นก็เพราะว่า ดงบังชินกิ ไม่ใช่วงที่ขีดวงอยู่แค่ 국내 (กุกแน แปลว่า ประเทศของเรา(เกาหลี)) อีกต่อไป..
สำหรับเครื่องพิสูจน์นั่นคือ พวกเขามีแฟนๆ จำนวนมากกระจายอยู่ทั่วทั้งทวีปเอเชีย โดยในวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา มีแฟนๆมากกว่า 1000 คนมารวมตัวอยู่ในกรุงโซล ซึ่งมาจากหลายๆประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน ประเทศไทย มาเลเชีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียตนาม อินโดนีเซีย อเมริกา ออสเตรเลีย ฮ่องกง และประเทศอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึง เพื่อมาร่วมงาน เปิดตัวอัลบั้ม 3 ซึ่งจัดใน Olympic Arena
สำหรับกลุ่มนักร้องที่ไม่ใช่สัญชาติญี่ปุ่นเองนั้น ดงบังชินกิ สามารถเข้าไปติดอยู่ภายใน 6 อันดับแรกของชาร์ต Oricon ประจำสัปดาห์ อีกทั้งคอนเสิร์ตของพวกเขา ซึ่งนับรวมได้ทั้งหมด 11 คอนเสิร์ตใน 7 เมืองของญี่ปุ่น รวมไปถึง ประเทศไทย มาเลเซีย และประเทศอื่นๆที่อยู่ในสายงานทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้นั้น ตั๋วแทบทุกใบ ขายหมดลงได้อย่างงดงาม และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ ดงบังชินกิ ไม่ได้เป็นแค่ “กลุ่มศิลปินเกาหลี” อีกต่อไป
“คอนเสิร์ตที่ อิมแพค อารีน่า ที่ประเทศไทยนั้น บรรยากาศในนั้นรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ อลังการเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเราไม่เคยโปรโมทเพลงของเรา อย่างจริงจังในประเทศไทยมาก่อนเลย แต่ผู้คนมากมายจำนวนกว่า 14,000 คนมารวมตัวกันในคอนเสิร์ตครั้งนี้ และยังมีผู้คนอีกมากกว่า 2,000 คนรออยู่ภายนอก เนื่องจากพวกเขาและเธอ ไม่สามารถหาตั๋วเพื่อเข้ามาชมคอนเสิร์ตได้ ผมสงสัยและแปลกใจมากๆ ว่าพวกเราเป็นที่รู้จักต่อคนจำนวนมากได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ” ยุนโฮ กล่าว
นอกจากความโด่งดังจากคอนเสิร์ตที่ผ่านๆมาแล้ว ดงบังชินกิ ยังได้บทเรียนที่ดีเพื่อเข้าสู่กระบวนการเตรียมตัวทั้งสภาวะร่างกาย และจิตใจ สำหรับการพัฒนาที่ดีขึ้นไปอีกระดับนึ่ง เพื่อสนองความต้องการที่แฟนๆนั้นอยากได้รับคือ “บทเพลงที่มีคุณภาพ”
ในงานแถลงข่าวก่อนที่งานเปิดตัวอัลบั้มที่ 3 เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา พวกเขาได้รับคำถามมาหนึ่งข้อคือ พวกคุณได้พัฒนาทักษะการร้องเพลงขึ้นมาได้อย่างไรบ้าง ดงบังชินกิ กลับตอบว่า ไม่มีอะไรพิเศษแต่อย่างใด อันที่จริงแล้ว การทัวร์คอนเสิร์ตที่ผ่านมานั้นได้ช่วยพวกเราไว้มาก
ยูโน ยุนโฮ มีน้ำเสียงที่ลุ่มลึก, ชเวกัง ชังมิน มีเสียงที่สูง จนสามารถเทียบได้กับระดับเสียงของผู้หญิง ชีอา จุนซู มีน้ำเสียงที่ไพเราะ แข็งแรง และอยู่ในช่วงกลางๆ มิคกี้ ยูชอน มีเสียงหวานออกไปในโทนกลาง ถึงต่ำ และสุดท้าย ยองอุง แจจุง มีเสียงที่ใสกังวาน ในระดับกลาง ต้องขอบคุณงานแสดงคอนเสิร์ตที่ผ่านๆมาทั้งหมด ในคอนเสิร์ตทุกๆครั้ง พวกเขาเล่นและใช้ประสบการณ์ของตน ในการค้นพบความพึงพอใจต่อน้ำเสียงของตน ผนวกกับดนตรีเพื่อเป็นการดึงเอาศักยภาพออกมาได้อย่างสูงสุด อันเราคงจะได้เห็นกันแล้วในงานเปิดตัวอัลบั้มที่ 3 ที่ผ่านมา รวมไปถึงในงาน Asia Song Festival เมื่ออาทิตย์ที่แล้วด้วย
“สำหรับศิลปินทั่วไป อัลบั้มที่ 3 นี้คงให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า พวกเขาได้เดินมาสู่จุดสูงสุดของอาชีพได้อีกครั้งหนึ่ง แต่สำหรับดงบังชินกินั้น มันเหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ เอกลักษณ์ประจำตัวของพวกเราในชุดนี้ มีความมั่นคงและแข็งแรงมาก และเปรียบเสมือนได้ปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงลงมาในงานชุดนี้ เพราะฉะนั้นเอง มันไม่เหมือนกับการที่เรากลับมาร้องเพลงอีกครั้ง แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า พวกเราพึ่งจะเดินก้าวเข้าสู่วงการนี้ใหม่อีกครั้ง !” ชีอา จุนซู กล่าว
Dong Bang Shin Ki ให้ความสำคัญมากในด้านความแตกต่างที่หลากหลายรวมไปถึงพัฒนาการของพวกเขา ในอัลบั้มนี้ด้วย สำหรับเพลงโปรโมทของพวกเขาอย่าง ‘”O”-‘Jung. Ban. Hap’ (องค์ความรู้. การต่อต้านองค์ความรู้. การสังเคราะห์องค์ความรู้ให้กลายเป็นสิ่งใหม่) เป็นเพลงที่เน้นการเต้นซึ่งเป็นสิ่งที่ SM Entertainment ถนัดมาก ซึ่งจะเห็นได้ตั้งแต่ วง H.O.T ยังรุ่งเรือง แต่สำหรับเพลงที่นำมาทำใหม่อย่าง Ballon ก็พอจะรับได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวที่ฮิตกันตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วก็ตาม
“เพลงพวกนี้ส่วนใหญ่วัยรุ่นจะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ อาจจะรวมไปถึงพ่อแม่ของพวกเขาและเธอเหล่านั้นด้วย ในอัลบั้มที่ 3 นี้ พวกเรา ดงบังชินกิ อยากจะร้องเพลงให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น และเป็นวงที่มาพร้อมกับเพลงที่มีคุณภาพ” ยองอุง แจจุง กล่าว
ไม่ใช่แค่เพียงอัลบั้มที่ 3 ของพวกเขาเท่านั้น แต่นับรวมไปถึงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของพวกเขาด้วย ดงบังชินกิ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้มีแค่หน้าตาที่ดี และการเต้นที่สะกดตากลุ่มวัยรุ่นได้เท่านั้น แต่งานเพลงมีที่คุณภาพต่างหากที่จะสามารถเข้าไปนั่งในใจของกลุ่มผู้ฟังได้อย่างแท้จริง และถึงแม้จะมีเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเพื่อนำทางพวกเข้าไปสู่ “ดวงดาวแห่งเอเชีย” แล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำงานให้หนักขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพของงานขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดมากขึ้นไปอีก
“ในระหว่างที่ผมทัวร์คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น มีบางสิ่งที่เข้ามาสร้างความประทับใจ และอยู่ในความทรงจำของผม คือ มีผู้ร่วมงานที่ค่อนข้างมีอายุ ซึ่งในตอนแรกเขาไม่รู้จักกับพวกเรามากนักและไม่มีความสนใจในตัวพวกเราเลย แต่ในระหว่างที่เตรียมงานคอนเสิร์ตอยู่นั้น เขารู้สึกสนุกกับเพลงของพวกเรา นั่นเองมันเป็นสิ่งที่แปลกว่าเพลงเหล่านี้สามารถเป็นสื่อแทนอะไรบางอย่างที่เชื่อมคนหลายๆคนเข้าด้วยกัน ถึงแม้พวกเขาเหล่านั้นจะไม่รู้ภาษาที่คุณร้องว่ามันแปลว่าอย่างไรเลยซักนิด ในอนาคต ดงบังชินกิ จะไม่เพียงเป็นวงที่ให้เสียงดนตรีเป็นสะพานเชื่อมระหว่างกลุ่มผู้ฟัง แต่เราจะทำตัวเป็นสะพานหลักเพื่อเชื่อมโลกทั้งโลกให้ได้” ชเวกัง ชังมิน กล่าว