The Host ทำยอดผู้ชมทะลุ 10 ล้านคนแล้ว… เตรียมผงาดเข้าสู่แท่นหนังทำเงินมากสุดตลอดกาล (2006-08-16)

ท่ามกลางหนังประเภทเอาใจผู้ชมที่มีอยู่อย่างดาษดื่น แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่ชาวเกาหลีใต้ทุกคนต้องจับตา … อสูรกายแห่งแม่น้ำฮัน !!

“The Host” โดย Bong Joon-Ho ทำลายสถิติผู้เข้าชม 10 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 48 ล้านคนจากทั้งประเทศ ไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี่เอง โดยได้รับข้อมูลจากผู้จัดจำหน่าย ShowBox ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถิติการเติบโตของยอดผู้ชมที่รวดเร็วมาก โดยใช้เวลาเพียง 3 อาทิตย์เท่านั้น ภาพยนตร์อสุรกายพันธุ์นี้ยังได้รับการกล่าวขวัญอีกด้วยว่า จะเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เข้ามายืนแท่นผงาดอยู่ในชาร์ตหนังทำเงินของเกาหลีตลอดกาลแทน The King and The Crown ซึ่งขึ้นมายืนอยู่ได้ไม่นาน

นักวิจารณ์หลายขนานตบปากเป็นเสียงเดียวกันว่า ภาพยนตร์ของ Bong ในครั้งนี้นั้นได้พลิกประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เกาหลี การวางแผนทางการตลาดที่ดี ซึ่งได้ทำลายสถิติ Box Office ในปัจจุบันอย่างถล่มทลายด้วยความรวดเร็ว อัตราการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ และ.. ยอดการส่งออก

ภาพยนตร์ไปยังต่างชาติมากที่สุดในประวัติการณ์ !!

มองกลับไปทางด้านผู้ชมกันบ้าง ในเรื่องนี้พวกเขากล่าวว่า พวกเขาทั้งหัวเราะ และ สร้างความตกใจไปในคราวเดียวกัน โดยเฉพาะการหยิบเรื่องราวเกี่ยวกับสหรัฐอเมิริกามาล้อเลียนในภาพยนตร์ และในเรื่องตัวเอกของภาพยนตร์ .. อสุรกายตัวนั้น Bong ทำได้ดีมากจนแทบจะลบภาพอสุรกาย แบบฮอลลีวู้ดไปจนหมดสิ้น !!

แต่นั่นแหละ … ถึงแม้จะมีเรื่องน่ายินดีขนาดนี้ ก็มีหลายคนกล่าวว่า มันมีผลกระทบต่อภาพยนตร์เรื่องเล็กๆ ที่อาจจะไม่อยู่ในสายตาของชาวเกาหลีนอกจาก The Host  ด้วยเม็ดเงินกว่า 11 พันล้านวอน (450 ล้านบาท) ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้รับไปเต็มๆ ทำให้หนังเรื่องอื่นๆที่ยืนโรงอยู่ขณะนี้ เดือดร้อนกันไปตามๆกัน

“10 ล้านคนใน 3 อาทิตย์นี่มันไม่ธรรมดาเลยนะครับ มันรวดเร็วมากๆ ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เกาหลีเลยทีเดียว ซึ่งนั่นมันแสดงให้เห็นว่า พลังของกลุ่มผู้ชมประเทศของเรานั้นร้อนแรงเพียงใด” ยูฮยองจิน นักวิจัยแห่งสภาภาพยนตร์แห่งชาติเกาหลี กล่าว

“แต่ในทางกลับกัน มันก็มีปัญหาที่เราต้องขบคิดเช่นกัน มันจะมีผลกระทบมากเพียงใดกับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ในตลาด”
The Host เปิดตัวด้วยยอดโรงฉายมากกว่า 620 โรง ทั้งประเทศ และในสัปดาห์ต่อมาลดเหลือ 560 โรง

คำเหน็บแนบจากผู้สร้างภาพยนตร์ทุนน้อย

“อย่าคิดที่จะหันหลังกลับไปอีกล่ะ” โดย คิมยังนัม ผู้แทนวัยรุ่นสมัยใหม่ที่ในเกาหลี ซึ่งงานของเขาได้รับการเข้าฉายเพียง 3 โรงในเกาหลีเท่านั้น แต่กลับไป

คว้ารางวัลจากงาน Locarno International Film Festival ในสวิวเซอร์แลนด์ มาถึง 2 รางวัล !

เรื่องราวของการครอบครองโควต้าโรงภาพยนตร์ในเกาหลีนั้นเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากในช่วงนี้ อันเนื่องมาจากมีการบีบในส่วนของโควต้าภาพยนตร์เกาหลี จาก 146 วันเหลือเพียง 73 วันภายใต้เงื่อนไขการเจรจา FTA กับอเมริกาเพื่อเปิดโอกาสให้ค่ายหนังจากอเมริกาเข้ามากวาดเงินในเกาหลีได้เพิ่มมากขึ้น

ภายในการเจรจาเงื่อนไขโควต้าใหม่ครั้งนี้ โรงภาพยนตร์หลายแห่ง ไม่มีความจำเป็นต้องนำหนังเกาหลีเข้าฉายอีกก็ได้ เนื่องจากโรงเหล่านั้นได้ฉายเรื่อง The King And The Clown เป็นจำนวนมากกว่า 73 วันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องนั้นก็ทำยอดไปได้ถึง 12.3 ล้านคนในเดือนมีนาคม

มีการออกความเห็นแบบพลิกกลับตาลปัตรกับคนเกาหลีทั่วไปของ คิมกิดึก ผกก ฝีมือเยี่ยมที่กวาดรางวัลมาเหมือนเป็นขนม !!

“ทั้งๆที่ภาพยนตร์ของผมที่สร้างมาทุกเรื่องนั้น จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของเราในชาติเราแท้ๆ แต่ผมก็ไม่เห็นมันจะได้รับการเข้าชื่อชิงรางวัลในการเทศกาล

ภาพยนตร์ในบ้านเราเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นผมพูดรวมไปถึงงานที่ปูซานด้วยนะ” เขากล่าวอย่างเปิดอกในงานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขาในชื่อ Time
แต่ยังมีหลายๆคนที่เห็นด้วยว่าปัญหาตอนนี้มันเกิดจากช่องว่างของกฏหมายมากกว่าจะมาโทษภาพยนตร์ด้วยกันเองอย่างเรื่อง The Host หลายคนเสนอให้มีการเปิดโอกาสให้ภาพยนตร์เรื่องเล็กๆ ให้มีช่องทางในการทำตลาดบ้าง โดยคุยกันให้รู้เรื่องกับโรงภาพยนตร์ไปเลย

“บางคนกำลังพยายามทำลายภาพยนตร์เรื่อง The Host แต่ผมว่ามันไม่ใช่ประเด็นหรอก จริงๆแล้วที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบผลสำเร็จเพราะว่ามัน สนุก และเป็นหนังที่ดีต่างหาก” อีชุนยอน โฆษก Korean Association of Film and Art Industry กล่าว

The Host ภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ของ Bong เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ สมาชิกในครอบครัว 5 คนซึ่งเปิดร้านขายของเล็กๆติดกับแม่น้ำฮัน ซึ่งชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไปหลังจากเจ้าอสุรกายโผล่ออกมาจากแม่น้ำฮัน และพาลูกสาวคนเดียวของเขากลับไปด้วย

อสุรกายตัวนี้เกิดจากสารเคมีที่ไหลลงส่งแม่น้ำฮันภายใต้การสั่งการของผู้บัญชาการสหรัฐอเมริกา แนวคิดหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดจากคดีของ Albert McFarland ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำสารพิษให้ไหลลงในแม่น้ำฮัน แต่ภายหลังก็ได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อย

ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้มากกว่า 200 ล้านบาทในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นรายได้ที่มากที่สุดนับตั้งแต่ส่งออกภาพยนตร์ และยังมียอดผู้ชมมากที่สุดต่อวันถึง 790,000 คนทีเดียว