KOREA
ดงบังชินกิ (TVXQ) เปิดอก… ความสัมพันธ์ มิตรภาพ ความรัก ความขมขื่น ใน The Star Show (2008-05-28)
ดงบังชินกิ (Dong Bang Shin Ki, TVXQ) ได้เปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาเองหลังจากที่ไม่เคยออกอากาศที่ไหนมาก่อน
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 ในรายการ The Star Show ทางช่อง SBS ได้เชิญ 5 หนุ่ม ดงบังชินกิ มาร่วมพูดคุยเปิดใจทั้งเรื่องงานและเรื่องราวส่วนตัวอันได้เผยให้เห็นถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน
สมาชิกวง ดงบังชินกิ ซึ่งประกอบไปด้วย ยูโน ยุนโฮ (U-know Yunho), ยองอุงแจจุง (Yongwoong Jae Jung), เซียจุนซู (Xiah Junsu), มิคกี้ยูชอน (Micky Yoochun) และ ชเวกังชังมิน (Choikang Changmin) กล่าวว่า “เพราะว่าพวกเรารู้จักกันตั้งแต่ตอนที่เป็นนักร้องฝึกหัด ทำให้เรามีความสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างซุปเปอร์จูเนียร์ (Super Junior) รวมไปถึงโซนยอชิแด (So Nyeo Sho Dae) อีกด้วย” เขาเสริม “พวกเรายังรู้ความลับบางเรื่องเกี่ยวกับพวกเขา (Super Junior และ So Nyeo Shi Dae) ที่ยังไม่เคยเปิดเผยในรายการใดมาก่อน” จากคำพูดนี้ทำให้แฟนๆในรายการเกิดความสงสัยอยากใคร่รู้
เซียจุนซู พูดถึงการเกิดมาของโซนยอชิแดว่า “เวลานั้น SM Ent ดูไม่ค่อยสดใสเลยครับ เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่นักร้องผู้ชาย แต่ทันทีที่โซนยอชิแดเกิดขึ้นมา ที่นั่นมันก็ดูสว่างสดใสขึ้นมากครับ มันเหมือนกับการที่เราเอาเจลลี่ใส่ลงไปในซุปถั่วเหลืองครับ (เทวนจังจิเก)” คำเปรียบเทียบของจุนซูส่งผลให้ทั้งห้องส่งหัวเราะครืน และเขายังเผยด้วยว่าโซนยอชิแดเป็นเหมือนผู้บุกเบิกเส้นทางใหม่ๆให้กับอุตสหกรรมเพลงเกาหลีท่ามกลางกลุ่มนักร้องชายอย่างพวกเขา
ยุนโฮ กล่าว “โซนยอชิแดก็เหมือนเทียนที่มีไฟสุกสว่างโชติช่วงครับ” เขาอธิบายต่อ “อย่างแรกพวกเธอน่ารักครับ สมาชิกทุกคนได้ผ่านช่วงเวลาในการฝึกฝนจากเด็กนักเรียนธรรมดาทั่วไปจนได้เติบโตและกลายมาเป็นหญิงสาวที่สดใส” คำพูดของเขาที่ดูแปลกๆทำให้ห้องส่งเกิดความมึนงงและไร้การตอบสนองใดๆ ทันใดนั้นเขาก็ทำหน้าที่ประมาณว่า “แล้วทำไมจะไม่ใช่อย่างนั้นล่ะ” แฟนๆในห้องส่งก็หัวเราะกันครืนอีกครั้ง
ดงบังชินกิยังได้กล่าวด้วยว่า “Super Junior ก็เหมือนครอบครัวของเราครับ” อธิบายว่าพวกเขานั้นสนิทสนมต่อกันมากถึงเพียงใด “ตอนที่เราโปรโมทกิจกรรมในประเทศญี่ปุ่น เมื่อใดที่เราเปิดทีวี เราก็รู้สึกแปลกใจากที่เราเห็น Super Junior อยู่ในนั้นตลอดเวลาเลยครับ” แสดงให้เห็นถึงการถ่วงความสมดุลระหว่างมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่แน่นแฟ้นและคู่แข่งในด้านวงการเสียงเพลงได้เป็นอย่างดี
พวกเขายังได้เผยเรื่องราวเกี่ยวกับชื่อเล่นที่ SM Ent ได้ใช้เรียกตอนที่พวกเขาเป็นนักร้องฝึกหัดอีกด้วย “BoA เป็นพี่ใหญ่ครับ (เปิดตัวคนแรก) แต่ว่าเราพวกเราอายุไล่เลี่ยกับเธอนะครับ ก่อนหน้านี้เราเคยเรียกเธอว่า ซอนแบนิม (รุ่นพี่ครับ) แต่พักหลังๆนี้เราเรียกเธอว่า ซอนแบ..ย่า!! (รุ่นพี่ฮะ)”
ในวันนั้นเขายังได้เปิดเผยถึงข่าวลือเกี่ยวกับ ยุนโฮ และ คิมฮีชอล, จุนซู และ อึนฮยอก และ ชางมิน กับ คิบอม ส่งผลให้ทั้งห้องส่งหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้เขายังได้โชว์ท่าเต้นอย่าง “เท่าเต้นเส้นขอบฟ้า” ซึ่งพวกเขามักจะเต้นกันเล่นๆตอนซ้อมเต้นเสมอๆ
ดงบังชินกิ ซึ่งได้รับความสำเร็จอย่างสูงในอาชีพการงานทั้งในเกาหลีและญี่ปุ่นรวมไปถึงประเทศต่างๆในเอเชีย เคยรู้สึกถึงห้วงแห่งความตกต่ำบ้างหรือไม่?
ดงบังชินกิ ได้บรรยายความรู้สึกตอนที่พวกเขาจากเกาหลีไปและทำกิจกรรมในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกให้พวกเราฟัง “พวกเราแค่รู้สึกตื่นเต้นมากๆครับ แค่คิดถึงการไปเที่ยวญี่ปุ่นและช้อปปิ้งก็ทำให้พวกเรามีความสุขแล้วครับ” แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขาอยู่ที่นั่นได้ 2 เดือน ความรู้สึกกดดันถึงความตกต่ำก็ครอบงำพวกเขา และนั่นคือช่วงเวลาที่ดงบังชินกิเจ็บปวดที่สุด
ดงบังชินกิ ยังบอกว่าถึงขั้นมีสมาชิกคนถึงในวงพูดกับอีกาเลยทีเดียวว่า “นายเป็นยังไงบ้าง ที่เกาหลีนั่นสบายดีไหม” ยุนโฮเผยต่อ “ชางมินถึงขั้นใส่ที่อุดหูแล้วเขาก็เปิดวิทยุหาคลื่นไปเรื่อยๆ” หลังจากยุนพูดจบทั้งห้องส่งก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อพวกเขาถูกถามว่าถ้าพวกเขาคิดว่าจะสามารถประสบความสำเร็จที่ญี่ปุ่นได้ เขาตอบว่า “เราไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเลยครับ” นอกจากนี้เขายังได้เผยถึงเส้นทางแห่งอุปสรรครวมไปถึงน้ำตาที่ถูกหลั่งรินออกมากับการที่เขาไม่ได้ต้องการเป็นเพียงศิลปินฮันรยูซึ่งเด่นเป็นเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น แต่ในทางกลับกันเขาอยากจะเป็นศิลปินเจป๊อปที่ชาวที่ปุ่นทุกคนให้ความเชื่อมั่นอย่างแท้จริง
ในช่วงสุดท้ายของรายการ ดงบังชินกิ ได้เผยถึงเรื่องราวแห่งความรักและว่าที่ภรรยาในอนาคตอีกด้วย
คนแรกที่พูด เซียจุนซู เผยถึงผู้หญิงที่เขาจะได้เจอในอนาคต “ผมจะร้องเพลงให้คุณในทุกเมื่อที่คุณต้องการจะฟัง” คำขอความรักนี้ช่างเหมาะกับนักร้องอย่างเขาจริงๆ ถัดมากับ มิคกี้ยูชอน “เมื่อถึงเวลาที่ผมจะได้พบกับคุณ ผมอาจจะเป็นชายที่ประสบความสำเร็จแล้วก็ได้ เรามาใช้ชีวิตให้มีความสุขกันไปตลอดเถอะนะ” เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มอายๆ
แจจุง สัญญา “เมื่อถึงตอนที่เราแต่งงานกัน ผมจะไม่ไปนอนที่อื่นใดนอกจากบ้านของเรา ผมจะทำอาหารเพื่อคุณอย่างน้อยวันละ 1 มื้อ ผมจะไม่เป็นสามีที่ลงพุง แต่มีเงื่อนไขอยู่อย่างนึงนะ คุณจะต้องให้กำเนิดลูกชายที่น่ารักแก่ผม”
ชางมิน กล่าว “ทำอาหารที่อร่อยๆไว้และรอผมนะ” ข้อความของเขาช่างตรงไปตรงมาเสียนี่กระไร คนสุดท้าย ยุนโฮ “ผมจะรักคุณไปตราบนานเท่าที่คุณยังรอผมอยู่ ปะ…ไปช้อปปิ้งรองเท้าให้ลูกกันเถอะ”
สุดท้าย เมื่อถามถึงการงานในอนาคต “ในประเทศญี่ปุ่น พวกเราจะได้เข้าร่วมงานคอนเสิร์ต A-Nation ส่วนในเกาหลี พวกเราจะออกอัลบั้มใหม่ในช่วงใบไม้ร่วงปีนี้ พวกเราจะมาในงานเพลงรูปแบบใหม่และการขึ้นแสดงโชว์ที่อยากหลาย ผมอยากให้ทุกคนสนับสนุนพวกเราด้วยนะครับ”